การบรรเทาภาวะหมดไฟของพนักงาน: บริษัทสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในเอเชีย 

ความเครียดทางการเงินเป็นสาเหตุหลักของภาวะหมดไฟในหมู่พนักงานในเอเชีย

จากผลการสำรวจแนวโน้มบุคลากรที่มีความสามารถทั่วโลกครั้งล่าสุดของ Mercer พบว่าพนักงานในเอเชียจำนวน 83% เกิดภาวะหมดไฟการทำงานในช่วงปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักของภาวะหมดไฟในหมู่พนักงานคือความเครียดทางการเงิน (44%) โดยที่พนักงานใช้เวลาโดยเฉลี่ยหกชั่วโมงของเวลาทำงานในแต่ละเดือนไปกับความกังวลเรื่องสถานะทางการเงินของตนเอง1 วิกฤตค่าครองชีพและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้ความเครียดทางการเงินเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อสุขภาวะทางจิตใจและร่างกายของพนักงาน

นอกจากความท้าทายทางการเงินที่พนักงานต้องเผชิญแล้ว ยังมีความไม่สอดคล้องกันระหว่างผู้บริหารกับผู้นำด้าน HR ในเอเชีย โดยที่ผู้บริหารมุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนและเทคโนโลยีในขณะที่ผู้นำด้าน HR มุ่งเน้นเรื่องประสบการณ์และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน จากข้อมูลของ Mercer พบว่าในสายตาของผู้บริหารการบรรเทาภาวะหมดไฟของพนักงานมีความสำคัญเพียงอันดับที่หกในจำนวนสิ่งที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ ในขณะที่สำหรับผู้นำด้าน HR สุขภาวะทางการเงินมีความสำคัญเป็นอันดับที่แปดตามหลังสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจ

ความเครียดทางการเงินสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงและนำไปสู่ภาวะหมดไฟ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของนายจ้างในการประกันสุขภาพแบบกลุ่มสำหรับพนักงานเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทต้องจัดการกับความเครียดทางการเงินของพนักงาน

5 วิธีที่นายจ้างสามารถทำได้เพื่อบรรเทาภาวะหมดไฟและความเครียดทางการเงินของพนักงาน

จากผลการศึกษาของ Mercer พบว่าพนักงานถึง 5.5 เท่าที่ประสบความสำเร็จให้หน้าที่การงานนั้นรายงานว่านายจ้างได้ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อ "ช่วยลดความเครียดทางการเงิน" ให้แก่พวกเขา ต่อไปนี้คือห้าวิธีที่องค์กรต่าง ๆ สามารถดำเนินการให้กับพนักงานได้
  1. เสริมสร้างความรู้ทางการเงินของพนักงาน

    การขาดความรู้ทางการเงินสัมพันธ์กับระดับความเครียดและความวิตกกังวลที่สูง จากผลการศึกษาในปี 20212 นายจ้างสามารถแก้ไขปัญหานี้โดยจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ทางการเงินเพื่อช่วยให้พนักงานตัดสินใจทางการเงินอย่างมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น

    ในประเทศไทยลูกค้าของ Mercer Marsh Benefits (MMB) ได้รับการบรรยายฟรีเรื่องการวางแผนทางการเงินเกี่ยวกับวิธีใช้กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อการลงทุน การเกษียณ และการให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงาน นอกจากนี้บริษัทต่าง ๆ ยังสามารถมีส่วนร่วมในกองทุนเพื่อการเกษียณของพนักงานเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีเงินออมเพียงพอเมื่อออกจากงาน

  2. ใช้ประโยชน์จากปริมาณสินค้าและบริการที่มากพอเพื่อทำให้ต้นทุนลดลง
    เพื่อช่วยพนักงานรับมือกับผลกระทบของเงินเฟ้อ บริษัทต่าง ๆ สามารถดำเนินการร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและเสนอส่วนลดสำหรับสินค้าและบริการรวมถึงสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันเพื่อบรรเทาภาระทางการเงินของพนักงาน นอกจากนี้บริษัทยังสามารถใช้ประโยชน์จากปริมาณสินค้าและบริการที่มากพอเพื่อทำให้ต้นทุนลดลงโดยต้นทุนที่ลดลงนั้นส่งต่อไปถึงพนักงาน ความช่วยเหลือดังกล่าวอาจรวมถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย ค่าดูแลเด็ก แพ็กเกจโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตตลอดจนค่าใช้จ่ายทางทันตกรรมและจักษุวิทยา
  3. ส่งเสริมสุขภาพของผู้หญิง

    ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์สำหรับสุขภาพของผู้หญิงอาจเป็นภาระทางการเงินที่สำคัญ ขึ้นอยู่กับช่วงวัย ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ของผู้หญิงประมาณ 56% เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับภาวะทางสุขภาพที่พบบ่อยและ/หรืออาการที่แตกต่างกัน3

    เพื่อช่วยพนักงานหญิงลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่ต้องจ่ายเอง บริษัทสามารถสร้างความมั่นใจว่าแผนสวัสดิการที่ยืดหยุ่น (flex benefits) หรือการคุ้มครองของประกันสุขภาพแบบกลุ่มนั้นครอบคลุมการสนับสนุนต่อไปนี้

    • การคัดกรองทางการแพทย์ที่รวมถึงการรักษาเฉพาะทางสำหรับผู้หญิง
    • การสนับสนุนด้านการเจริญพันธุ์และ
    • การสนับสนุนในช่วงวัยหมดประจำเดือน
  4. ใช้ระบบสวัสดิการที่ยืดหยุ่นโดยมุ่งเน้นการบรรเทาภาระทางการเงิน

    สวัสดิการแบบยืดหยุ่นที่จัดสรรเงินประจำปีให้แก่พนักงานเพื่อบริหารจัดการตามความต้องการเป็นวิธีที่คุ้มค่าสำหรับนายจ้างในการช่วยบรรเทาภาระทางการเงินให้แก่พนักงาน โดยเฉพาะสำหรับ “แซนด์วิช เจเนอเรชัน” ที่ต้องรับผิดชอบในการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีทั้งของพ่อแม่และลูก ๆ

    เช่นในประเทศไทยสวัสดิการแบบยืดหยุ่นได้กลายเป็นโซลูชันที่ได้รับความนิยมสำหรับสวัสดิการพนักงาน นอกจากการสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับผู้อยู่ในอุปการะแล้วองค์กรยังสามารถพิจารณาเพิ่มสิทธิ์การเบิกค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นสมาชิกฟิตเนสและการซื้ออุปกรณ์เพื่อสุขภาพภายใต้สวัสดิการแบบยืดหยุ่นเพื่อสนับสนุนสุขภาวะของพนักงานเพิ่มเติม

  5. ปรับปรุงการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอื่น ๆ

    พนักงานอาจลังเลที่จะเข้ารับบริการดูแลสุขภาพในทันทีที่มีอาการเจ็บป่วยเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ความไม่สะดวกและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงได้รับการรักษาที่ล่าช้าและอาจทำให้สูญเสียประสิทธิภาพการทำงานอีกทั้งยังเพิ่มค่าใช้จ่ายของเบี้ยประกันสุขภาพแบบกลุ่ม

    เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และส่งเสริมการจัดการปัญหาสุขภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ บริษัทอาจพิจารณาร่วมมือกับ MMB เพื่อ:

    • จัดตั้งคลินิกด้านสุขภาพในที่ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการประกันสุขภาพแบบกลุ่ม
    • ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบทางไกลที่ช่วยให้พนักงานสามารถรับคำปรึกษาและการดูแลทางการแพทย์ผ่านระบบทางไกลได้อย่างสะดวก
    • ดำเนินการตรวจสุขภาพและคัดกรองอย่างสม่ำเสมอในที่ทำงานและจัดการบรรยายเกี่ยวกับความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลูกค้าของ MMB ในประเทศไทยได้ใช้วิธีการจัดตั้งคลินิกภายในที่ทำงานของตน คลินิกดังกล่าวช่วยให้พนักงานเข้าถึงการฉีดวัคซีนและการทดสอบคัดกรองทางสุขภาพต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายในราคาพิเศษ ประสิทธิผลของโครงการนี้สามารถประเมินได้โดยการวัดระดับประสิทธิภาพการทำงาน จำนวนวันที่ลาป่วยและจำนวนเงินที่เคลมประกัน

เนื่องจากในปีนี้มีจำนวนการเคลมประกันที่สูงโดยส่วนใหญ่มาจากพนักงานที่ป่วยเป็นไข้หวัด ฝ่าย HR ของเราจึงได้จัดแคมเปญฉีดวัคซีนสำหรับพนักงานและครอบครัว โดย MMB ช่วยเราจัดซื้อวัคซีนในราคาย่อมเยาและเราหวังว่าการเคลมประกันที่เกี่ยวข้องกับโรคทางเดินหายใจจะลดลง
องค์กรผู้ให้บริการโซลูชันด้านสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำในประเทศไทย

ค้นหาโซลูชันด้านพนักงานที่เหมาะกับความต้องการขององค์กรคุณ

เพื่อให้ได้โซลูชันที่ยั่งยืนด้านต้นทุนสำหรับการดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน บริษัทต่างๆ ทั่วเอเชียสามารถให้ความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญและเครือข่ายผู้ให้บริการด้านประกันภัยและการดูแลสุขภาพที่กว้างขวางของ MMB ในออกแบบแนวทางปฏิบัติที่ตอบสนองความต้องการขององค์กรคุณ เริ่มก้าวแรกสู่สุขภาพที่ดีของพนักงานและติดต่อตัวแทน MMB ในวันนี้เพื่อพูดคุยเพิ่มเติม

ผู้เขียน
Samuel Tan
Related products for purchase
    Related Solutions
      Related Insights
        Related Case Studies
          Curated