อนาคตแห่งการทำงาน: การปั้นบุคลากรยุค AI ในเอเชีย โดยมีทักษะเป็นตัวขับเคลื่อน
วิธีสร้างบุคลากรให้เป็นผู้ที่สามารถปรับตัวและยืดหยุ่นได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี
หากไม่มีการบริหารจัดการทักษะของบุคลากร บริษัทอาจได้รับความเสี่ยงจากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิผลการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
แม้ว่าเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล แต่ผลสำรวจ Global Talent Trends survey ล่าสุดของเราพบว่า 62% ของผู้บริหารและ HR ในเอเชียกลับนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้โดยไม่เปลี่ยนวิธีการทำงาน เนื่องจาก "งานยุ่งมากเกินไป" ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ประสิทธิผลในการทำงานลดลง
การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในที่ทำงานไม่ควรเป็นจุดสิ้นสุด แต่หลายองค์กรอาจมองข้ามความจำเป็นของโครงการริเริ่มช่วยเหลือพนักงานในการปรับตัวและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น พนักงานจำนวนสามในห้าที่ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าองค์กรของพวกเขาสื่อสารได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอว่า AI หรือระบบอัตโนมัติจะมาช่วยปรับปรุงวิธีการทำงานของพวกเขาได้อย่างไรบ้าง
แต่ในความจริงแล้ว การปั้นบุคลากรที่สามารถปรับตัวได้ดีนั้น นายจ้างจะต้องปรับตัวให้ได้ก่อน อาจเริ่มจากการตั้งคำถามที่ว่าองค์กรควรใช้แนวทางใดในการเปลี่ยนแปลงโมเดลบุคลากรและรูปแบบการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อสอดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ
การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ คือ ขั้นตอนแรกในการเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวของบุคลากรท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี
จากการสำรวจ ผู้บริหารมากกว่า 53% ทั่วโลกคาดการณ์ว่า AI และระบบอัตโนมัติจะเพิ่มประสิทธิผลให้กับองค์กรมากขึ้น 10-30% ในอีกสามปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรจะสามารถปรับปรุงศักยภาพบุคลากรและกลยุทธ์การดำเนินงานของตนให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ได้หรือไม่ โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่เป็นอันดับแรก
การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการทบทวน แก้ไข และจัดสรรหน้าที่รับผิดชอบและภาระงานที่มีอยู่เดิมนั้น สามารถเผยช่องว่างด้านทักษะภายในองค์กร เช่นเดียวกับโอกาสในการเพิ่มทักษะและฝึกทักษะใหม่ ๆ ในเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิผลการทำงานอย่างยั่งยืน กระบวนการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรหลายแห่งในปัจจุบัน เนื่องจากโมเดลบุคลากรผู้มีความสามารถที่มีอยู่เดิมนั้นมุ่งเน้นไปที่หน้าที่ในการทำงานมากกว่าทักษะ ซึ่งมักจะเข้มงวดเกินไปและทำให้ขาดความคล่องตัวที่จำเป็นต่อการตอบสนองเทคโนโลยีใหม่ๆ
การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่จึงเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนจากโมเดลที่เน้นเนื้องานไปเป็นโมเดลที่มีทักษะเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งสามารถปลดล็อกศักยภาพและความสามารถในการปรับตัวของพนักงานท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี จากการสำรวจของเราพบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล (HR) ในเอเชีย 63% มองว่าการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิผลการทำงานยิ่งขึ้น
เส้นทางสู่การปั้นบุคลากรให้มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ดีด้วยการฝึกฝนที่คำนึงถึงทักษะเป็นหลัก
1. ปรับเปลี่ยนการทำงานและวางแผนบุคลากรในรูปแบบใหม่
- แจกแจงโครงสร้างงานและจัดสรรงานใหม่
ปรับปรุงโมเดลงานให้ตอบโจทย์และสร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆ ในการเชื่อมโยงบุคลากรให้ตรงกับเนื้องานเพื่อสอดรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของธุรกิจ - ปลดล็อกความคล่องตัวขององค์กร
พัฒนาโมเดลงานที่เอื้อให้เกิดกลุ่มบุคลากรผู้มีความสามารถทางเลือกและการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อปรับระดับความต้องการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงานเต็มเวลา ใช้ระบบเก็บโปรไฟล์ในการรักษาบุคลากรผู้มีความสามารถให้อยู่กับองค์กรเพื่อช่วยจัดการกับความขาดแคลนทรัพยากรบุคคลและการแข่งขัน และว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากภายนอกเมื่อความต้องการในทักษะนั้นเกินกว่าที่บริษัทจะสามารถใช้โมเดลเพื่อดึงตึวหรือสร้างบุคลากรได้ - แยกแยะโอกาสจากการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ
ดึงตัวบุคลากรผู้มีความสามารถจากงานจำเจและมอบหมายให้ทำงานตามทักษะของพวกเขาเป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและแก้ไขปัญหาขององค์กร
2. กระตุ้นให้เกิดโครงการริเริ่มที่คำนึงถึงทักษะเป็นหลัก
- จำแนกโครงสร้างทักษะและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างทักษะ
กระบวนการนี้ช่วยให้บริษัทตระหนักถึงทักษะสำคัญต่างๆ สำหรับองค์กรที่เชื่อมโยงกัน เพื่อส่งเสริมการเพิ่มทักษะและการฝึกทักษะใหม่ให้กับบุคลากร รวมถึงเส้นทางอาชีพ - ระบุทักษะและวางผังทักษะเหล่านี้ให้กับพนักงาน
ข้อมูลนี้ช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนของทักษะที่พนักงานมี รวมถึงทักษะที่พวกเขาไม่ได้ใช้ในตำแหน่งงานที่ทำอยู่ เมื่อจำเป็นต้องอาศัยความสามารถใหม่ๆ องค์กรจะสามารถระบุได้ว่าใครคือผู้ที่มีศักยภาพสูงสุดในการปรับตัวและมีความสามารถเป็นเลิศ - พัฒนากรอบความสามารถ
บริษัทจำเป็นต้องประเมินพนักงานโดยเทียบกับกรอบความสามารถ ด้วยการใช้ผลตอบรับหรือเครื่องมือที่เป็นทางการ เพื่อระบุความแตกต่างตามระดับของความสามารถหรือความเชี่ยวชาญตามทักษะที่กำหนด ในบรรดา 60% ของบริษัทที่มีการบริหารจัดการเรื่องระดับความสามารถด้านทักษะในเอเชีย มี 24% ที่จัดการจากส่วนกลาง ในขณะที่ 36% จัดการในระดับท้องถิ่นผ่านแผนกธุรกิจ อ้างอิงจาก 2023/2024 Skills Snapshot Survey Asia Report ของเรา - ออกแบบโปรแกรมการจ่ายค่าตอบแทนโดยอิงเกณฑ์ทักษะ
โปรแกรมนี้จะสร้างแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาทักษะและความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ทั้งยังช่วยดึงดูดและรักษาบุคลากรผู้มีความสามารถให้อยู่กับบริษัท การสำรวจของเราพบว่า 28% ขององค์กรในเอเชีย (เทียบกับ 17% ทั่วโลก) มีโปรแกรมการจ่ายค่าตอบแทนโดยอิงเกณฑ์ทักษะอยู่แล้ว
3. ใช้ประโยชน์จาก AI ในการประเมินทักษะและข้อมูลเชิงลึกด้านความสามารถ
- การรายงานตนเองของพนักงาน
เราพบว่า 51% ขององค์กรในเอเชียใช้การรายงานตนเองของพนักงานเพื่อวางผังทักษะให้แต่ละบุคคล แม้จะช่วยประหยัดงบประมาณ แต่ก็อาจทำให้โปรไฟล์ทักษะไม่สมบูรณ์ เนื่องจากพนักงานอาจเผชิญกับความยากลำบากในการประเมินทักษะของตน - การประเมินทักษะเป็นประจำ
ผู้จัดการและเพื่อนร่วมงานจะถูกขอให้ประเมินหรือตรวจสอบทักษะของเพื่อนร่วมงานเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เป็นแนวทางที่ใช้เวลานานซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการประเมิน ตัวเลือกที่ดีกว่าอาจเป็นกลยุทธ์การประเมินแบบแบ่งกลุ่มโดยอิงตามปัจจัยหลายประการ เช่น การประเมินความวิกฤตและวุฒิภาวะของการปฏิบัติงานตามทักษะ นอกจากนี้ การประเมินยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นเพื่อส่งเสริมประสบการณ์เชิงบวกให้กับพนักงาน - เครื่องมือ AI สำหรับการประเมิน
การสำรวจของเราพบว่า 78% ขององค์กรกำลังใช้หรือวางแผนที่จะใช้ AI เพื่อประเมินทักษะ เนื่องจาก AI สามารถอนุมานทักษะในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ของพนักงาน (ประวัติงาน ประวัติการเรียนรู้ ข้อมูลประจำตัว ฯลฯ) ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานด้านทักษะสำหรับองค์กร ทักษะเหล่านี้ตรวจสอบได้โดยเพื่อนร่วมงานหรือผู้เชี่ยวชาญด้านทักษะ หรือสามารถประเมินเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือการประเมินเพื่อให้ได้ข้อมูลทักษะของพนักงานที่สมบูรณ์ครบถ้วนยิ่งขึ้น
กรณีศึกษา: การช่วยเหลือสถาบันทางการเงินชั้นนำในการนำแนวทาง "ทักษะยอดนิยม" มาใช้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความสามารถในการปรับตัวของบุคลากร
การมุ่งเน้นที่การนำแนวทางปฏิบัติโดยคำนึงถึงทักษะมาใช้สามารถช่วยให้องค์กรของคุณเพิ่มศักยภาพสูงสุดของบุคลากรและประหยัดค่าใช้จ่าย ตามที่กรณีศึกษาชี้ให้เห็น ดังนี้
สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกกระตือรือร้นที่จะเตรียมบุคลากรให้พร้อมสำหรับธุรกิจที่กำลังพัฒนาด้วยการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญ ทางบริษัทได้ติดต่อ Mercer เพื่อระบุและจัดสรรบุคลากรผู้มีความสามารถที่มีทักษะตอบโจทย์แง่มุมต่างๆ ที่สำคัญที่สุดและเหมาะสมกับขนาดขององค์กร
Mercer ระบุ "ทักษะยอดนิยม" ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในแวดวงอุตสาหกรรมของลูกค้า โดยใช้แนวทางดังต่อไปนี้
- การอนุมาน "ทักษะยอดนิยม": มีการใช้ AI ใช้เพื่ออ้างอิงและปรับพื้นฐานของกลุ่ม "ทักษะยอดนิยม" ที่อยู่ระหว่างลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ แผนกที่มุ่งเน้น วิสัยทัศน์ของลูกค้า กับการวิจัยอุตสาหกรรมของ Mercer
- การระบุ "ทักษะยอดนิยม": เราสร้างรายการสรุปเกณฑ์การระบุกลุ่ม "ทักษะยอดนิยม" ที่เกี่ยวข้องกับลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัท โดยคำนึงถึงการเกิดขึ้น อัตราส่วนเวลา และความอเนกประสงค์
- เซสชันธุรกิจ: เราจัดเซสชันการตรวจสอบความถูกต้องกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อปรับแต่งทักษะยอดนิยม เจาะลึกความสามารถภายในกลุ่มทักษะที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และวางผังทักษะเหล่านั้นเข้ากับกรอบความสามารถทางเทคนิคและการจัดกลุ่มงาน (JFF) ของลูกค้า
- การระดม "ทักษะยอดนิยม"
จากการวิเคราะห์แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มงาน ทักษะที่เป็นที่ต้องการ และการจัดหาบุคลากรผู้มีความสามารถภายในองค์กร เราสามารถระบุพื้นที่นำร่องเพื่อระดมทักษะยอดนิยมมาใช้ปลดล็อกคุณค่าและสร้างโอกาสในการเติบโตได้ นอกจากนี้เรายังกำหนดเทคโนโลยีที่ใช้ AI ช่วยจับคู่ทักษะของพนักงานและนำเสนอโอกาสต่าง ๆ ในวงกว้าง
เป็นผลให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถระบุทักษะยอดนิยมทั่วทั้งสายงานทางธุรกิจ และจัดสรรบุคลากรผู้มีความสามารถให้ตอบโจทย์ได้ตามต้องการ
ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้านบุคลากรของคุณเพื่อสอดรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยทักษะ
แม้ว่าเอเชียจะมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการปรับใช้และทดลองใช้แนวทางที่เน้นทักษะ แต่องค์กร 42% ระบุว่าความสามารถหรือศักยภาพทรัพยากรบุคคลยังเป็นอุปสรรคสำคัญลำดับต้น ๆ เพื่อพิชิตปัญหานี้ บริษัทต่างๆ สามารถร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลที่น่าเชื่อถือและมีประสบการณ์เชิงลึกจากหลากหลายอุตสาหกรรม
Mercer ช่วยให้บริษัทและรัฐบาลต่างๆ ในเอเชียเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยทักษะโดยใช้ประโยชน์จาก AI รวมถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ปลดล็อกศักยภาพของพนักงานที่มีการนำเครื่องมือและเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด