วิธีการสร้างความปลอดภัยทางใจให้กับพนักงานท่ามกลางความวิตกกังวลของพนักงานในสถานที่ทํางานที่มีการเปลี่ยนแปลง
จากข้อมูลแนวโน้มตลาดแรงงานที่มีทักษะศักยภาพสูงทั่วโลกปี 2024 ของ Mercer ผู้บริหาร 41% ในเอเชียกําลังวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างมีนัยสําคัญเพื่อผลักดันความยั่งยืนในระยะยาว แต่หากนายจ้างไม่มีกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความกังวลด้านเทคโนโลยีของพนักงาน นายจ้างก็จะประสบปัญหาในการรักษาความไว้วางใจของพนักงานและได้รับประโยชน์จากการใช้ AI
อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญที่นายจ้างจะต้องตระหนักคือการนําเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปใช้ได้อย่างประสบความสําเร็จนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกันระหว่างพนักงานกับ AI น่าแปลกใจที่มีเพียง 27% ของพนักงานในเอเชียเท่านั้นที่คาดว่า AI จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางานของตนในอีกสามปีข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าพนักงานส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจในประสิทธิภาพการทำงานของ AI
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยของพนักงานยังมีมากขึ้น โดยส่วนใหญ่พนักงานในเอเชีย (มากกว่า 60% ในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย) เชื่อว่า AI จะเข้ามาแทนที่งานของตนในอีกห้าปีข้างหน้า² แต่ผู้บริหาร 68% ในเอเชียเชื่อว่าองค์กรต่าง ๆ มีความรับผิดชอบในการปกป้องพนักงานของตนไม่ให้ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีหรือ AI และมีเพียงหนึ่งในห้าของผู้บริหารเท่านั้นที่มีแผนจะลดแรงงานของตนในปี 2024 (เมื่อเทียบกับหนึ่งในสี่ของปี 2022) หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเนื่องจากงานที่มีความซ้ำซ้อนโดยไม่เกี่ยวกับด้านบุคลากร
การเชื่อมช่องว่างระหว่างผู้นําและพนักงานต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานได้รับประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจาก AI ในขณะที่ยังให้ทักษะและความรู้ที่จําเป็นแก่พวกเขาในการทํางานควบคู่ไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างปลอดภัยและรอบคอบ ในการดําเนินการดังกล่าว องค์กรสามารถบริหารจัดการกับความกังวลที่ซ่อนอยู่ของพนักงาน เสริมสร้างความไว้วางใจ และส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางทางใจให้กับพนักงาน
การส่งเสริมสถานที่ทํางานที่ปลอดภัยทางใจจะช่วยสนับสนุนความรู้สึกของพนักงานในการเติบโตไปกับองค์กร
เมื่อความปลอดภัยทางใจอยู่ในระดับสูง พนักงานจะรู้สึกมีคุณค่า ได้รับความเคารพและได้รับการสนับสนุนในที่ทํางาน และพวกเขามีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วม ให้ความร่วมมือและสนับสนุนองค์กรอย่างเต็มที่ ความปลอดภัยทางใจครอบคลุมความรู้สึกของพนักงานเรื่องการแจ้งข้อกังวล การยอมรับข้อผิดพลาด หรือการแบ่งปันแนวคิดใหม่ ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสําคัญสําหรับการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ประสบความสําเร็จและการบรรเทาความเสี่ยงในยุคของ AI ในทางกลับกัน ความปลอดภัยทางใจก็มีบทบาทสําคัญที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงและขับเคลื่อนวัฒนธรรมดิจิทัลที่ทำให้พนักงานสามารถเติบโตอย่างประสบความสำเร็จได้ อีกทั้งองค์กรก็สามารถปรับตัวได้และมีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมากขึ้น
เมื่อคํานึงถึงเรื่องนี้ บริษัทจะสามารถทําอะไรได้บ้างเพื่อสร้างวัฒนธรรมที่ปลอดภัยทางใจซึ่งช่วยให้พนักงานเติบโตในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI
นายจ้างสามารถสร้างความปลอดภัยทางใจให้กับพนักงานในที่ทํางานด้วยสามวิธีดังนี้
สิ่งที่นายจ้างสามารถทําได้
- ส่งเสริมให้พนักงานยอมรับการเปลี่ยนแปลงโดยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโครงการริเริ่มด้านการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล ส่งเสริมให้พนักงานแสดงความคิดเห็นและเสนอแนวคิดเพื่อกําหนดวัฒนธรรมดิจิทัลที่ให้ความสําคัญกับพนักงานเป็นหลัก
- พิจารณาว่างานใดที่เป็นระบบอัตโนมัติหรือดําเนินการโดย AI เพื่อให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีมูลค่าสูงกว่าซึ่งนําความคิดสร้างสรรค์และการคิดเชิงวิเคราะห์มาใช้ ออกแบบงานใหม่เพื่อให้งานมีความหมายและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของทั้งพนักงานและ AI และทบทวนทักษะสําคัญที่องค์กรต้องการในปัจจุบันและในอนาคต
- พัฒนาทักษะหรือฝึกฝนทักษะใหม่ เพื่อให้พนักงานไม่เพียงแต่รู้สึกสบายใจกับการใช้ AI ในการทํางานประจําวัน แต่ยังมองเห็นโอกาสทางอาชีพใหม่ ๆ ที่เกิดจากโมเดลธุรกิจที่มีความคล่องตัวมากขึ้น
แม้ว่างานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า AI จะทำให้ความแข่งขันเกิดความเท่าเทียมกัน แต่แหล่งข้อมูลอื่น ๆ คาดการณ์ว่าจะมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงจะระมัดระวัง AI มากกว่าผู้ชาย การปรับปรุงความปลอดภัยทางใจเพื่อความสําเร็จในการทํางานเป็นทีมระหว่างพนักงานกับเครื่องจักรก็เป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ธุรกิจต่าง ๆ จะใช้ AI อย่างมีจริยธรรมเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์สําหรับกลุ่มพนักงานที่แตกต่างกันได้อย่างไร และในเชิงของการสร้างความไว้วางใจ พวกเขาจะมีวิธีดำเนินการอย่างไร
Mercer Asia Norms Report ยังพบว่าช่องว่างของค่าจ้างทางเพศเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในเอเชีย โดยผู้หญิงในภูมิภาคมีรายได้น้อยกว่าผู้ชาย จากการสํารวจค่าตอบแทนประจําปี 2023 ของ Mercer ในประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย มาเลเซีย และญี่ปุ่น สําหรับค่าจ้างทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐที่ผู้ชายคนหนึ่งทํา ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับเงิน 0.80 ดอลลาร์สหรัฐสําหรับงานเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน ผู้หญิงอาจพบว่าการได้รับตำแหน่งผู้นําและการได้รับการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมเพื่อได้เลื่อนขั้นในองค์กรนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า แม้จะมีสัดส่วนระหว่างชายกับหญิงเกือบหนึ่งต่อหนึ่งในสถานที่ทํางาน แต่ผู้หญิงเพียง 30% เท่านั้นที่ดํารงตําแหน่งผู้นําในเอเชีย
สิ่งที่นายจ้างสามารถทําได้
- ดําเนินการวิเคราะห์ความเสมอภาคในการจ่ายค่าจ้างเป็นประจําเพื่อระบุและจัดการช่องว่างหรือความไม่เท่าเทียมกันของค่าจ้างระหว่างเพศ ทบทวนและสร้างมาตรฐานแนวทางปฏิบัติด้านค่าตอบแทนและข้อมูลการจ่ายเงินในแต่ละตำแหน่งงานโดยการวิเคราะห์ข้อมูล รายละเอียดงานและเกณฑ์มาตรฐานของตลาด
- ใช้โครงสร้างการจ่ายเงินและนโยบายที่โปร่งใสในการตัดสินใจเกี่ยวกับค่าตอบแทน รวมถึงแนวทางสําหรับการประเมินผลการปฏิบัติงาน การเลื่อนตําแหน่งและการขึ้นเงินเดือน ที่ปรึกษาของเราสามารถช่วยคุณกําหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นกลางเพื่อช่วยขจัดอคติภายในกระบวนการเหล่านี้ได้
. - ปรับปรุงโอกาสที่เท่าเทียมกันสําหรับการพัฒนาอาชีพโดยการจับคู่ทักษะของพนักงานกับโอกาสภายในด้วยตำแหน่งงานที่องค์กรเปิดรับ
สิ่งที่นายจ้างสามารถทําได้
- เปิดช่องทางการสื่อสารและส่งเสริมการสนทนาและการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับ AI เพื่อสร้าง "พื้นที่ที่ปลอดภัย" สําหรับการศึกษาและการเรียนรู้ โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อาจเกิดขึ้นจากการสนทนาเหล่านี้
- วัดความพึงพอใจ แรงจูงใจ และความสอดคล้องกันกับเป้าหมายองค์กรของพนักงานโดยการรวบรวมความคิดเห็นในแบบสํารวจการมีส่วนร่วมของพนักงานเพื่อใช้ในการออกแบบประสบการณ์ของพนักงานในอนาคต บริษัทควรใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากการรับฟังและความคิดเห็นของพนักงาน เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานและส่งเสริมวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม
- ระดมความคิดเห็นและประสบการณ์ของพนักงานผ่านกลุ่มสนทนาและการสัมภาษณ์เพื่อระบุข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ติดตามแนวโน้มที่สําคัญ เช่น ทําไมผู้คนถึงอยู่ต่อและลาออกไป จากข้อมูลของ Mercer แสดงให้เห็นเหตุผลสามอันดับแรกที่ทําให้บุคลากรในเอเชียยังคงอยู่กับนายจ้างของตน คือความมั่นคงในงาน ค่าจ้างที่เป็นธรรม และวัฒนธรรมการทํางานเชิงบวก ดังนั้น ประสบการณ์ของพนักงานยังคงต้องให้ความสําคัญสูงสุด
- เจาะลึกถึงรูปแบบและความรู้สึกของความคิดเห็นจากพนักงานในกลุ่มต่าง ๆโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเข้าใจสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อพนักงานและทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐาน
การสร้างความปลอดภัยทางใจให้กับพนักงานในสถานที่ทํางานเริ่มต้นได้ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม
เมื่อพิจารณาขั้นตอนข้างต้นแล้ว องค์กรจะสามารถส่งเสริมสถานที่ทํางานที่ปลอดภัยทางใจ ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า ได้รับความเคารพและได้รับการสนับสนุน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะขับเคลื่อนสถานที่ทํางานที่มีประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่ยังปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจและการทํางานร่วมกันที่ช่วยให้พนักงานสามารถเติบโตในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีกด้วย
องค์กรทั่วเอเชียสามารถได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของพนักงานที่มีประสิทธิภาพ เครื่องมือการรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน การประเมินและการวางแผนแรงงานเชิงกลยุทธ์ แนวทางปฏิบัติด้านทักษะความสามารถ การสื่อสารที่โปร่งใสและการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยพนักงาน